ดังที่เคยกล่าวมา ศาสตร์วิชา " ฮวงจุ้ย "
นั้น มีต้นกำเนิด
มานานหลายพันปี ( 5000 ปี โดยประมาณ ) และได้มีการพัฒนาสืบสานต่อมา
ยังชนรุ่นหลัง และยังแพร่หลาย อยู่ในหมู่ชนเชื้อสายจีนอย่างเหนียวแน่น
ศาสตร์นี้ เป็นวิธีในการเลือกทำเลการสร้างเมือง และสิ่งปลูกสร้างต่างๆ
ทั้ง
ของคนเป็น และคนตาย โดยหลักวิชาการเลือกทำเล และสถานที่ที่ดีนั้น
หลักการขั้นพื้นฐาน คือ สถานที่นั้น ต้องมีลักษณะ ที่มีหลังอิงเช่น
ต้องเป็นภูเขา
เพื่อเป็นแนวพักพิงของเมือง บ้านเรือน และเป็นแนวป้องกันการรุกราน
จาก
ข้าศึกศัตรู ในยุคโบราณ เพราะสมัยโบราณ หลายพันปีมานั้น
การทำสงคราม
ต้องเดินทางโดยเท้า ดังนั้นข้อดีที่เห็นชัดเจนง่ายๆ คือ
ด้านหลังของเมืองเป็นจุดอ่อน
ของเมืองหลวง จึงต้องมีภูเขาอยู่ เพื่อ ชะลอการเดินทางของข้าศึกให้ช้าลง
เพราะ ภูเขา ย่อมมีสัตว์ป่าอาศัยอยู่ ดังนั้น จึงเป็นการสร้างความลำบากให้แก่ผู้ที่
ต้องการมารุกรานเมืองได้เป็นอย่างดี รวมถึง ช่วยป้องกันลมหนาวที่มาในหน้าหนาว
เป็นกำแพงธรรมชาติที่ดียิ่งของทำเลนั้นๆ
นักวิทยาศาสตร์ของจีนโบราณพบว่า โลกมีพลังงานที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าห่อหุ้มอยู่
โดยกระแสพลังพุ่งมาจากด้านทิศใต้ ไปทางทิศเหนือ ที่เรียกว่า
เส้นแรงแม่เหล็กโลก
ไม่ใช่จากเหนือไปใต้อย่างที่เราเข้าใจ
โดยจะสังเกตพบว่าเข็มทิศในปัจจุบันที่เราใช้กันอยู่นั้น
ตัวหัวเข็มสีแดงที่เป็นขั้วบวก จะชี้ไปทางทิศเหนือ ซึ่งแสดงว่าขั้วโลกเหนือเป็นขั้วลบ
เพราะแม่เหล็กขั้วต่างกันจึงจะดูดกัน ดังนั้นขั้วโลกจึงเป็นขั้วบวก
และตาม
กฎทางวิทยาศาสตร์ พลังของแม่เหล็กจะออกจากขั้วบวกไปยังขั้วลบเสมอ
แสดงว่าพลังวิ่งจากขั้วโลกใต้ไปสู่ขั้วโลกเหนือ ตามที่ชาวจีนโบราณค้นพบ
ดังนั้นทำไมจักรพรรดิ์โบราณของจีน จึงนั่งหันหน้าไปทางทิศใต้ขณะขึ้นว่า
การบนบัลลังก์
นั้นเพราะต้องการรับกระแสพลังงานจากแม่เหล็กโลก นั้นเอง
นี้เป็นเพียงตัวอย่างเบื้องต้นว่าทำไม ฮวงจุ้ยเกี่ยวข้องอย่างไรกับ
วิทยาศาตร์
ในครั้งหน้าเราจะมาเจาะให้ลึกกันในส่วนที่ศาสตร์ทาง วิทยาศาตร์
สามารถอธิบายหลักการของฮวงจุ้ยได้ต่อไปในภาค 2
จบภาคแรก